การหาความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ WordPress เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจาก WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยม ปัญหาความปลอดภัยอาจทำให้เว็บไซต์ถูกแฮกหรือเสียหายได้อย่างร้ายแรง ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ WordPress อย่างละเอียด รวมถึงเทคนิคที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้อีกด้วย
1. การอัปเดต WordPress เป็นเวอร์ชันล่าสุด
สิ่งแรกที่คุณควรทำเมื่อติดตั้ง WordPress คือการตรวจสอบและอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด การอัปเดต WordPress เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยป้องกันจากช่องโหว่ของระบบที่อาจถูกใช้ในการโจมตีเว็บไซต์ของคุณ
เพื่ออัปเดต WordPress ให้ไปที่เมนู “Dashboard” จากนั้นคลิกที่ “Updates” ในเมนูด้านซ้ายของหน้าจอ เว็บไซต์ WordPress ของคุณจะแสดงผลลัพธ์ว่ามีเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ หากมีการอัปเดตให้คลิกที่ปุ่ม “Update Now” เพื่อเปิดบ้านตัวตัดแต่งบนหน้าจอของคุณ หลังจากนั้นเลือก “Update Automatically” เพื่อเริ่มกระบวนการอัปเดต
การอัปเดต WordPress เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันช่องโหว่และการโจมตี แต่ยังช่วยคุณในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตรวจพบในเวอร์ชันก่อนหน้านี้
2. การใช้งาน Theme และ Plugin ที่น่าเชื่อถือ
ในการเลือกใช้งาน Theme และ Plugin สำหรับ WordPress คุณควรใช้แหล่งที่มีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่คุณเลือกเหมาะสมกับเวอร์ชันล่าสุดของ WordPress และรองรับโดยคนที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำในการเลือกใช้งาน Theme และ Plugin:
- อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้คนอื่น ๆ เพื่อให้คุณมั่นใจว่ามีความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ที่ดี
- เลือก Theme และ Plugin ที่อัปเดตสม่ำเสมอ ซึ่งหมายความว่าผู้พัฒนากำลังพัฒนาและรองรับอยู่
- ให้ความสำคัญกับการเลือก Theme และ Plugin ที่มีชุดคุณลักษณะความปลอดภัย เช่น การสนับสนุน HTTPS, ความง่ายในการสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ระวังที่จะไม่ใช้ Theme หรือ Plugin ที่มีความรับผิดชอบน้อย ไม่อัปเดตตัวเองหรือตรวจสอบความปลอดภัย That Might Compromise Your Site’s Security .
3. การตั้งค่าการเข้ารหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
การตั้งค่ารหัสผ่านที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้งานในเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพิ่มเติมในการรักษาความปลอดภัย รหัสผ่านที่อ่อนแอหรือเป็นที่คาดเดาง่ายอาจทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบของคุณ
นี่คือตัวอย่างของการตั้งค่ารหัสผ่านที่แข็งแกร่ง:
- ใช้ความยาวของรหัสผ่านอย่างน้อย 12 ตัวอักษรหรือมากกว่า
- ใช้การผสมผสานของตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก เครื่องหมายตั้งค่า และตัวเลข
- หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านที่ใช้ง่ายที่สุด เช่น “password” หรือ “123456789”
- เปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ และไม่ใช้รหัสผ่านเดิมในรุ่นที่แตกต่างกันของ WordPress
การตั้งค่ารหัสผ่านที่แข็งแกร่งใน WordPress สามารถทำได้ผ่านเมนู “Users” ในแดชบอร์ดของเว็บไซต์ คุณสามารถระบุรหัสผ่านที่แข็งแรงให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน หรือส่งคำขอรีเซ็ตรหัสผ่านเพื่อให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านเอง
4. การใช้ SSL/TLS เพื่อเข้ารหัสข้อมูล
การเข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญหรือข้อมูลบัญชีผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ การใช้ SSL/TLS (Secure Sockets Layer/Transport Layer Security) เป็นวิธีหนึ่งที่ดีในการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ของคุณ
SSL/TLS เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างเว็บเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์ เมื่อเรียกใช้ SSL/TLS ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะถูกส่งออกจากเว็บเบราว์เซอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีอ่านหรือแอบดักฟังข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเครือข่าย
การติดตั้ง SSL/TLS สำหรับเว็บไซต์ WordPress ของคุณสามารถทำได้โดยติดต่อผู้ให้บริการ SSL/TLS หรือผู้ให้บริการโฮสติ้งของคุณ คุณต้องได้รับไฟล์ใบรับรอง SSL/TLS และติดตั้งให้ถูกต้องบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
5. การปรับแต่ง WordPress สำหรับความปลอดภัยเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดและใช้เครื่องมือที่ไว้ใจได้อย่างแน่นอน ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
- ติดตั้งปลั๊กอินการรักษาความปลอดภัย: มีหลายปลั๊กอินที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของ WordPress ของคุณ เช่น Wordfence Security, Sucuri Security, และ Jetpack Security
- จำกัดการเข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ ใน WordPress: โดยปกติแล้วผู้ใช้สามารถเข้าถึงไฟล์ในระบบของ WordPress ได้ผ่านทาง URL คุณสามารถระบุกฎการกรองบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่ไม่จำเป็น
- โฮสต์เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ: พิจารณาการเลือกเฮ็ดWoิน์บริการโฮสติ้งที่มีความมั่นคง สามารถรับรองระบบ WordPress รองรับและรักษาความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม
การปรับแต่ง WordPress เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสามารถทำได้โดยปรับแต่งไฟล์ .htaccess ซึ่งเป็นไฟล์อย่างหนึ่งในระบบของ WordPress ฟังก์ชันในไฟล์ .htaccess ช่วยในการกำหนดค่าระบบและเทคนิคความปลอดภัย ตัวอย่างเช่นปรับแต่งให้เฉพาะ IP address ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงบางไฟล์หรือส่วนของเว็บไซต์
สรุป
ในบทความนี้เราอธิบายเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ เราได้พูดถึงการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด ใช้เทคนิคในการเลือก Theme และ Plugin ที่น่าเชื่อถือ ตั้งค่ารหัสผ่านที่แข็งแกร่ง ใช้ SSL/TLS เพื่อเข้ารหัสข้อมูล การปรับแต่ง WordPress สำหรับความปลอดภัยเพิ่มเติม และเทคนิคอื่น ๆ ที่คุณสามารถใช้
การดูแลรักษาความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ WordPress เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อปกป้องข้อมูลและความเชื่อถือของผู้ใช้งาน ด้วยการตั้งค่าและการดูแลรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม คุณสามารถให้ความสบายใจและมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะปลอดภัยและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา
บริษัท รับทำเว็บไซต์ WordPress
https://www.your-plans.com/blog/wordpress-security.html